วันพุธที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2554
ซอด้วง
ซอด้วง เป็นซอชนิดหนึ่งของไทย มีเสียงสูงแหลม การที่เรียกซอชนิดนี้ว่า "ซอด้วง" เพราะส่วนที่เป็นเครื่องอุ้มเสียงมีรูปร่างคล้ายเครื่องมือสำหรับดักสัตว์ ที่เรียกว่า "ด้วง"
ลักษณะทั่วไปของซอด้วงมีส่วนประกอบดังนี้
กระบอก คือ ส่วนที่เป็นเครื่องอุ้มเสียงให้เกิดกังวาน ที่เรียกว่า "กระบอก" เพราะมีรูปร่างเหมือนกระบอกไม้ไผ่ ยาวประมาณ 13 ซม. หน้าซอกว้างประมาณ 6 ซม. กระบอกนี้ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้ชิงชัน ไม้ดำดง บางทีทำด้วยรากต้นลำเจียกก็มี ที่นิยมว่าสวยงามนั้นทำด้วยงาช้าง ถ้าต้องการเสียงนุ่มนวลให้ใช้ไม้ลำเจียก ไม้ตาล เสียงแหลมกว้างให้ใช้ไม้ชิงชัน เสียงกลมให้ใช้ไม้พะยูง และเสียงแหลมเล็กให้ใช้ไม้ประดู่ ด้านหน้าของกระบอกมีวัสดุบางๆ ขึงปิดหน้า ส่วนใหญ่นิยมใช้หนังงูเหลือม ถ้าไม่มีหนังงูเหลือมจะใช้หนังแพะ หนังลูกวัว หรือกระดาษว่าวปิดซ้อนกันหลายๆ ชั้นก็ได้ แต่คุณภาพเสียงจะสู้หนังงูเหลือมไม่ได้
คันซอ ทำด้วยไม้หรืองาช้าง มีลักษณะกลมยาว สอดปักที่กระบอกและตั้งตรงขึ้นไป คันซอด้วงแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงบนตั้งแต่ใต้ลูกบิดขึ้นไปจนถึงปลายคันมีรูปร่างเป็นเหลี่ยมคล้ายโขนเรือ เรียกว่า "โขน" ไม่เรียก "ทวนบน" เหมือนซอสามสายหรือซออู้ ปลายโขนโค้งงอนไปทางด้านเปิดของกระบอก ส่วนคันซอตอนล่างนับตั้งแต่ใต้ลูกบิดลงไป เรียกว่า "ทวนล่าง" ถ้าเป็นซองาช้างมักมีส่วนที่ทำด้วยไม้มะเกลือหรือมุกประดับอยู่กลางทวนเพื่อ ความสวยงาม
ลูกบิด มี 2 ลูก เสียบอยู่ช่วงล่างของโขนหรือเหนือทวนล่าง ปลายลูกบิดเจาะรูไว้สำหรับร้อยสายซอเพื่อขึงให้ตึงตามความประสงค์ของผู้ บรรเลง หัวลูกบิด (ที่มือจับ) ประดิษฐ์เป็นรูปคล้ายหัวเม็ดทรงมัณฑ์ หันไปทางเดียวกับส่วนปลายของโขนซอ ใช้สำหรับหมุนให้สายตึงหรือหย่อน ลูกบิดลูกล่างสำหรับสายที่มีเสียงสูง เรียกว่า "ลูกบิดสายเอก" ลูกบนสำหรับสายที่มีเสียงต่ำ เรียกว่า "ลูกบิดสายทุ้ม"
รัดอก คือ บ่วงเชือกสำหรับรั้งสายซอ นิยมใช้ขนาดเดียวกับสายเอกใช้ผูกรั้งสายซอทั้ง2 เข้ากับทวนล่าง พันโดยรอบประมาณ 4 รอบ เพื่อให้ได้คู่เสียงของสายเปล่าที่ชัดเจน รัดอกนี้จะอยู่ต่ำกว่าลูกบิดลูกล่างประมาณ 13 ซม.
หย่อง คือ ไม้ชิ้นเล็กๆ หนาประมาณ 3 มม. ใช้หนุนสายซอให้พันขอบกระบอก และเป็นตัวกลางรับความสั่นสะเทือนจากสายซอไปยังหน้าซอ
คันชัก ทำด้วยไม้เนื้อแข็งหรืองาช้าง รูปโค้ง ด้านมือจับมีหมุดสำหรับเป็นหลักให้เส้นหางม้าคล้อง อีกด้านหนึ่งเจาะรูไว้เพื่อร้อยหางม้าแล้วขมวดให้แน่นให้เส้นหางม้าตึง ใช้เส้นทางม้าประมาณ 250 เส้นรวมกันขึงกับคันชักให้ตึงคล้ายคันกระสุน คันชักยาวประมาณ 74 ซม. ส่วนที่ขึงหางม้ายาวประมาณ 65 ซม. สอดเส้นหางม้าให้อยู่ภายในระหว่างสายเอกกับสายทุ้ม สำหรับชักเข้าชักออกซึ่งเรียกว่า "สี" ให้เส้นหางม้าถูกับสายซอ เส้นหางม้านั้นนิยมใช้ยางสนถูเพื่อให้มีความฝืดมากพอที่จะใช้สีกับสายซอให้ เกิดเสียงดัง
การเทียบเสียงซอด้วงใช้สายเอกเป็นหลัก โดยเทียบเสียงให้ตรงกับเสียงขลุ่ยเพียงออปิดรูปทั้ง 2 มือ เว้นนิ้วก้อยรูล่าง แล้วเป่าแหบ (อนุโลมเท่ากับเสียง เร (D) ของโน้ตสากล) สายทุ้มตรงกับเสียงขลุ่ยเพียงออปิดรูมือบนทั้งหมด แล้วเป่าธรรมดา (อนุโลมเท่ากับเสียง ซอล (G) ของโน้ตสากล) หรือเทียบสายทุ้มให้ต่ำลงมาจากสายเอก 4 เสียง เป็นคู่ 5 กับสายเอก สำหรับบรรเลงกับวงเครื่องสายหรือวงมโหรี
หน้าที่สำคัญของซอด้วง คือ ใช้บรรเลงในวงเครื่องสายและวงมโหรี เมื่อบรรเลงอยู่ในวงเครื่องสาย ผู้บรรเลงซอด้วงมีหน้าที่เป็นผู้นำวง และดำเนินทำนองเนื้อเพลงเป็นหลักของวง แต่เวลาบรรเลงอยู่ในวงมโหรีมีหน้าที่เพียงดำเนินเนื้อเพลงเท่านั้น ไม่มีหน้าที่เป็นผู้นำวงเพราะในวงมโหรีมีระนาดเอกซึ่งเสียงดังกว่าทำหน้าที่ เป็นผู้นำวงอยู่แล้ว ส่วนวิธีบรรเลงของซอด้วงนี้ มีทั้งสีทำนองเก็บและทำนองอ่อนหวานเป็นเสียงยาวๆ แล้วแต่ลักษณะของทำนองเพลงในตอนนั้นๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น